สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
กรณีปราสาทพระวิหาร
ข้อมูลที่ประชาชนไทยควรทราบ เกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหาร และการเจรจาเขตแดนไทย - กัมพูชา
50 ประเด็น ถาม-ตอบ กรณีปราสาทพระวิหาร
สรุปข้อมูลสถานะของคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี
2505
ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร
กระทรวงการต่างประเทศ
บทบาทของประธานอาเซียนในการสนับสนุนการแก้ไข
ปัญหาระหว่างไทย - กัมพูชา ผ่านกลไกทวิภาคีของทั้งสองประเทศ
หลังจากที่ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
(UNSC) ได้ออกคำแถลงข่าว (press statement) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์
2554 ระบุถึงการสนับสนุนการดำเนินการของอาเซียนเพื่อให้เกิดการ
หยุดยิงถาวรและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธีผ่านการเจรจา
อาเซียนได้จัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ
(Informal ASEAN Ministers Meeting - IAMM) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์
2554 เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการตามผลการประชุม UNSC
โดยภายหลังการประชุมดังกล่าว อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนได้ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ไทยและกัมพูชากลับมาเจรจาทวิภาคีกันต่อไป
ตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยให้อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนปัจจุบัน
มีบทบาทสนับสนุนตามความเหมาะสม และยินดีที่จะมีการประชุม JBC
และ GBC ในอนาคตในวันที่จะกำหนดต่อไป นอกจากนี้ ไทยและกัมพูชา
ตกลงกันที่จะเชิญผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซีย (Indonesian Observer
Team - IOT) ไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา
อีกด้วย
ต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียได้มี
หนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และรองนายก
รัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่าง
ประเทศกัมพูชา เพื่อเสนอร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ (Terms of Reference
- TOR) ของคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย (Indonesian Observers
Team - IOT) ให้ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาพิจารณาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์
2554 ซึ่งไทยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด และ
ได้เสนอแก้ไขร่าง TOR ดังกล่าวเพื่อประโยชน์ต่อท่าทีของฝ่ายไทย
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการติดต่อและหารือระหว่างรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศมาโดยตลอดและไทย
ก็ได้รับความร่วมมือจากอินโดนีเซียเป็นอย่างดี อีกทั้งอินโดนีเซียเห็นพ้อง
กับท่าทีของไทย โดยมองว่าปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นปัญหา
ทวิภาคีโดยแท้ ซึ่งจะต้องแก้ไขโดยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศ
นอกจากนี้ อินโดนีเซียได้ให้ความสนับสนุนเรื่องสถานที่สำหรับ
การประชุม JBC ที่เมืองโบกอร์ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7 - 8
เมษายน 2554 โดยมิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้านสารัตถะในระหว่างการประชุม
ดังกล่าวแต่อย่างใด การให้ความสนับสนุนและอำนวยความสะดวกของ
อินโดนีเซียส่งผลให้การประชุมประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 18 (18th ASEAN Summit) ณ
กรุงจาการ์ตา ผู้นำไทย กัมพูชา และอินโดนีเซียได้พบหารือและเห็นพ้องกัน
ให้มอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสามประเทศ หารือกันในเรื่อง TOR ของคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย และแนวทาง
การแก้ปัญหาไทย - กัมพูชาแบบรอบด้าน ซึ่งเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2554
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย กัมพูชา และอินโดนีเซีย
ได้เจรจาหารือและตกลงให้มีการดำเนินการแบบชุดข้อตกลง (package of
solutions) โดยครอบคลุมกลุ่มภารกิจ 3 กลุ่ม ในลักษณะกระบวนการ
(process) เพื่อนำไปสู่การถอนทหารกัมพูชาออกจากบริเวณปราสาท
พระวิหาร รอบปราสาทฯ วัดแก้วสิขาคีรีสะวารา รวมถึงตลาดและชุมชน
โดยรอบ และการส่งคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียมายังพื้นที่ที่ได้รับ
ผลกระทบจากการปะทะ ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2554 รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหมของไทย และรองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
กลาโหมกัมพูชาตกลงที่จะให้มีการส่งคณะสำรวจ (Survey Team)
ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สังกัดสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำ
ประเทศไทยและกัมพูชามายังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในฝั่งไทยและกัมพูชา
ซึ่งในช่วงเดียวกัน จะจัดการประชุม GBC โดยเป็นวาระที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
เพื่อหารือเกี่ยวกับการถอนทหารกัมพูชาออกจากปราสาทพระวิหาร บริเวณ
รอบปราสาทฯ วัดแก้วสิขาคีรีสะวารา รวมถึงตลาดและชุมชนโดยรอบ และ
เมื่อมีการดำเนินการตามผลการประชุม GBC ในเรื่องการปรับกำลังทหาร
กัมพูชาดังกล่าวแล้ว จึงจะมีการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนเรื่อง TOR
ของคณะผู้สังเกตการณ์ฯ ต่อไป
จากการดำเนินการของอินโดนีเซียดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า
บทบาทของอินโดนีเซียในการแก้ไขปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นไป
อย่างสร้างสรรค์และอยู่บนพื้นฐานของการแก้ไขปัญหาภายใต้กรอบ
ทวิภาคีเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงบทบาทของครอบครัวอาเซียน
ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวในระหว่างที่ไทย
และสมาชิกอาเซียนจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน (ASEAN Community)
ในปี 2558



ค้นหาข้อมูล คลิก!


